Java Code Exam: 2015

วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ด java การแสดงเดือนทุกเดือนแบบสั้น ๆ

สวัสดีคับ บทความนี้เรามาดูตัวอย่างโค้ดการแสดงเดือนแบบสั้นทุกเดือนกันคับ โดยการใช้ DateFormatSymbols

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.text.DateFormatSymbols;

public class ShowShortMonths {
public static void main(String[] args) {
String[] shortMonths = new DateFormatSymbols().getShortMonths();

for (int i = 0; i < (shortMonths.length - 1); i++) {
String shortMonth = shortMonths[i];
System.out.println("shortMonth = " + shortMonth);
}
}
}

ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้

shortMonth = Jan

shortMonth = Feb

shortMonth = Mar

shortMonth = Apr

shortMonth = May

shortMonth = Jun

shortMonth = Jul

shortMonth = Aug

shortMonth = Sep

shortMonth = Oct

shortMonth = Nov

shortMonth = Dec

จากโค้ดตัวอย่าง การใช้ DateFormatSymbols().getShortMonths() เพื่อ get ค่าเดือนแบบสั้น ๆ มา ซึ่งจะคืนค่ามาเป็น Array ของ String จากนั้นเราก็ใช้ for loop เพื่อแสดงชื่อเดือนแบบสั้น ๆ

yengo หรือ buzzcity

วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ดการแสดงรูปแบบเดือนแบบต่าง ๆ M, MM, MMM, MMMM

สวัสดีคับ บทความนี้เรามาดูว่าการแสดงรูปแบบเดือนในรูปแบบต่าง ๆ ควรใช้แบบไหนดี และมีความแตกต่างกันอย่างไร เช่น M, MM, MMM, MMMM

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.text.SimpleDateFormat;
import java.util.Date;

public class ShowMonthFormatAll {
public static void main(String[] args) {
Date date = new Date();
SimpleDateFormat sdf;

sdf = new SimpleDateFormat("M");
System.out.println("Current Month in M format : " + sdf.format(date));

sdf = new SimpleDateFormat("MM");
System.out.println("Current Month in MM format : " + sdf.format(date));

sdf = new SimpleDateFormat("MMM");
System.out.println("Current Month in MMM format : " + sdf.format(date));

sdf = new SimpleDateFormat("MMMM");
System.out.println("Current Month in MMMM format : " + sdf.format(date));
}
}

ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้

Current Month in M format : 3

Current Month in MM format : 03

Current Month in MMM format : Mar

Current Month in MMMM format : March

จากโค้ดตัวอย่างเราแสดงรูปแบบการกำหนดรูปแบบของเดือน เป็นแบบ M, MM, MMM, MMMM แต่ละแบบจะแสดงต่าง ๆ กันตามผลลัพธ์ที่ได้

yengo หรือ buzzcity

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ด java การแสดงวันที่และเวลาปัจจุบัน

สวัสดีคับ บทความนี้เรามาดูตัวอย่างโค้ด วิธีการแสดงวันที่และเวลาในปัจจุบันกันครับ โดยการใช้ Formatter

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.util.Calendar;
import java.util.Formatter;

public class ShowDateTimeFormat {
public static void main(String[] args) {
Formatter fmt = new Formatter();
Calendar cal = Calendar.getInstance();

fmt.format("%tc", cal);
System.out.println(fmt);
}
}

ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้

Fri Mar 13 15:38:48 ICT 2015

จากตัวอย่างโค้ด เราสร้าง Formatter เพื่อใช้สำหรับจัดรูปแบบ โดยเราจะจัดรูปแบบการแสดงวันที่และเวลาปัจจุบัน โดยใช้ %tc คับ

yengo หรือ buzzcity

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ดการแสดงนาทีของเวลา โดยใช้ Formatter

สวัสดีคับ บทความนี้เรามาดูตัวอย่างโค้ดการแสดงนาทีของเวลาโดยใช้ Formatter กันคับ

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.util.Calendar;
import java.util.Formatter;

public class ShowMinuteFormat {
public static void main(String[] args) {
Formatter fmt = new Formatter();
Calendar cal = Calendar.getInstance();

fmt.format("%tl:%tM", cal, cal);
System.out.println(fmt);
}
}

ตัวอย่างผลลัพธ์

3:28

จากตัวอย่างเราแสดงนาทีของเรา โดยการใช้ format %tl:%tM จาก Formatter

yengo หรือ buzzcity

ตัวอย่างโค้ดการแสด เดือน ในรูปแบบต่าง ๆ โดยใช้ Formatter

สวัสดีคับ บทความนี้เรามาดูวิธีการแสดงชื่อเดือนในรูปแบบต่าง ๆ กันโดยใช้ Formatter กันคับ

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.util.Calendar;
import java.util.Formatter;

public class ShowMonthFormat {
public static void main(String[] args) {
Formatter fmt = new Formatter();
Calendar cal = Calendar.getInstance();

fmt.format("%tB %tb %tm", cal, cal, cal);
System.out.println(fmt);
}
}

ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้

March Mar 03

จากตัวอย่างโค้ดเราสร้าง Formatter ขึ้นมา แล้วก็สร้างเวลาขึ้นมาจากเวลาปัจจุบัน โดยใช้ Calendar จากนั้นเราก็จัดการแสดงรูปแบบต่าง ๆ กัน โดยใช้ method format ของ Formatter

yengo หรือ buzzcity

ตัวอย่างโค้ด java การ แสดงเวลาตามรูปแบบ โดยใช้ SimpleDateFormat

สวัสดีคับ บทความนี้เรามาดูการแสดงรูปแบบเวลาแบบง่าย ๆ ตามที่เราต้องการกันครับ โดยการใช้ SimpleDateFormat

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.text.SimpleDateFormat;
import java.util.Date;

public class SimpleDateFormatEasy {

public static void main(String[] args) {
Date date = new Date();
String strDateFormat = "HH:mm:ss a";
SimpleDateFormat sdf = new SimpleDateFormat(strDateFormat);
System.out.println(sdf.format(date));
}
}

จากตัวอย่างเรา new Date เพื่อสร้าง Date ก่อน จากนั้นเราก็กำหนดรูปแบบการแสดงผลของเวลา โดยการ HH:mm:ss a จากนั้นก็สร้าง SimpleDateFormat เพื่อจัดรูปแบบ เราก็จัดรูปแบบของเวลาโดยใช้คำสั่ง format ซึ่งเป็น method ของ SimpleDateFormat แล้วลองแสดงออกมาดูคับ

yengo หรือ buzzcity

ตัวอย่างโค้ดการ for each loop ของ Map ใน java

สวัสดีคับ บทความนี้เรามาดูวิธีการ for each loop ของ map ในภาษา java กันครับ ซึ่งเป็นการแสดงค่าของ key และ value ของ map ออกมาทุกตัว เพื่อดำเนินการอะไรซักอย่าง

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.util.HashMap;
import java.util.Map;

public class LoopMap {
public static void main(String[] args) {

Map<String, String> mymap = new HashMap<>();
mymap.put("key 1", "value 1");
mymap.put("key 2", "value 2");
mymap.put("key 3", "value 3");
mymap.put("key 4", "value 4");
mymap.put("key 5", "value 5");

for (Map.Entry<String, String> entry : mymap.entrySet())
{
System.out.println(entry.getKey() + "/" + entry.getValue());
}
}
}

จากโค้ดเราใช้ for จากนั้นจะใช้ mymap.entrySet เพื่อวนลูปดึงค่ามา ซึ่งจะได้เป็น Map.Entry<String, String> entry จากนั้นเราก็สามารถ getKey กับ getValue ของค่า map ออกมาได้ครับ

yengo หรือ buzzcity

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ด การเรียงข้อมูลใน Array

สวัสดีคับ ตัวอย่างโค้ดนี้เรามาดูวิธีการเรียงข้อมูลใน Array โดยใช้ Java กันคับ

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.util.Arrays;
import java.util.Scanner;

public class ArraySort {
public static void main(String[] args) {
Scanner in = new Scanner(System.in);

int[] number = new int[4];
for (int i = 0; i < 4; i++) {
System.out.println("Input Number : ");
number[i] = in.nextInt();
}

Arrays.sort(number);

for (int i : number) {
System.out.print(i);
}

in.close();
}
}

จากตัวอย่างโค้ดเรารับค่าตัวเลขมา 4 ตัวตามจำนวนลูปจากนั้นเราจะใช้ Scanner แล้ว nextInt() เพื่อรับค่ามาเป็น int จากนั้นเราก็ใช้คำสั่ง Arrays.sort แล้วใส่ Array ที่เราเก็บข้อมูลลงไป แค่นี้ข้อมูลใน Array ก็เรียงกันแล้ว เราก็ลองมาตรวจสอบกันโดยการวนลูปโชว์ข้อมูลใน Array

yengo หรือ buzzcity

วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ดรับค่า 4 จำนวนแล้วหาว่าเป็นเลขคู่กี่จำนวนเลขคี่กี่จำนวน

สวัสดีคับบทความนี้เรามาดูโค้ด javva ที่หาว่าจำนวนคู่กี่จำนวนและจำนวนคี่กี่จำนวน โดยรับค่าจำนวนทางแป้นพิมพ์มา 4 จำนวน

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.util.Scanner;

public class OddAndEven {
public static void main(String[] args) {
Scanner in = new Scanner(System.in);

int odd = 0;
int even = 0;

for (int i = 0; i < 4; i++) {
System.out.println("Input Number : ");
int number = in.nextInt();
if(number%2 == 0) {
even++;
}
else {
odd++;
}
}

System.out.println("Even Number : " + even);
System.out.println("Odd Number : " + odd);

in.close();
}
}

จากตัวอย่างโค้ดเราได้ใช้ Scanner ในการรับค่า แล้วใช้ System.in เพื่อบอกว่ารับค่าทางแป้นพิมพ์ จากนั้นเราจะวนลูปจำนวน 4 ลุป เพราะโจทย์บอกว่ารับเป็น 4 จำนวน

จากนั้นในแต่ละรอบเราจะทำการรับค่า int เป็นตัวเลข แล้วนำมาเช็คว่า % 2 แล้วเหลือเศษเท่ากับ 0 หรือไม่ ถ้าใช่แสดงว่าเป็นเลขคู่ ถ้าไม่ใช่ก็เป็นเลขคี่ จากนั้นก็นำไปเก็บในตัวแปรที่สร้างไว้ สุดท้ายก็แสดงค่าที่ได้ออกมา

yengo หรือ buzzcity

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ด java การใช้ Jsoup ดึงข้อมูลระหว่าง text กับ data

ตัวอย่างโค้ดสองตัวอย่างนี้เป็นการเปรียบเทียบผลลัพธ์และโค้ดตัวอย่างในการใช้ Jsoup แบบ text() กับ data()

ตัวอย่างโค้ดและผลลัพธ์ของการใช้ Jsoup ดึงแบบ text()

ตัวอย่างโค้ดและผลลัพธ์ของการใช้ Jsoup ดึงแบบ data

ดูข้อมูลอื่น ๆ ได้ที่ http://jsoup.org/

yengo หรือ buzzcity

วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ดการดึงข้อมูลจากเว็บ โดยใช้ Jsoup แล้ว get data

สวัสดีคับ บทความนี้เราจะมาดูวิธีการดึงข้อมูลจากเว็บโดยการใช้ Jsoup จากนั้นเราก็จะโชว์ข้อมูลโดยการเรียก data

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.io.IOException;

import org.jsoup.Jsoup;
import org.jsoup.nodes.Document;

public class JsoupConnectUrl {
public static void main(String[] args) {
try {
Document doc = Jsoup.connect("http://javacodeexam.blogspot.com/").get();

System.out.println(doc.data());
} catch (IOException e) {
e.printStackTrace();
}
}
}

จากตัวอย่างโค้ดเราเรียก Jsoup.connect แล้วใส่พารามิเตอร์เข้าไป ซึ่งเป็น url ที่เราต้องการ จากนั้นก็เรียก .data()

เมื่อได้แล้วเราจะได้ Document เราสามารถดึงข้อมูลโดยเรียก data() ได้ ซึ่งข้อมูลที่ได้จะมีลักษณะประมาณนี้

yengo หรือ buzzcity

ตัวอย่างโค้ดการดึงข้อมูลจากเว็บ โดยใช้ Jsoup แล้ว get text

ตัวอย่างโค้ดตัวอย่างนี้เราจะทำการดึงข้อมูลจากหน้าเว็บโดยใช้ Jsoup จากนั้นเราจะโชว์ข้อมูลโดยใช้ text

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.io.IOException;

import org.jsoup.Jsoup;
import org.jsoup.nodes.Document;

public class JsoupConnectUrl {
public static void main(String[] args) {
try {
Document doc = Jsoup.connect("http://javacodeexam.blogspot.com/").get();

System.out.println(doc.text());
} catch (IOException e) {
e.printStackTrace();
}
}
}

จากตัวอย่างโค้ดเราเรียก Jsoup.connect แล้วใส่พารามิเตอร์เข้าไป ซึ่งเป็น url ที่เราต้องการ จากนั้นก็เรียก .get()

เมื่อได้แล้วเราจะได้ Document เราสามารถดึงข้อมูลโดยเรียก text() ได้ ซึ่งข้อมูลที่ได้จะมีลักษณะประมาณนี้

yengo หรือ buzzcity

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ดการรับค่า input ชนิดต่าง ๆ ทางแป้นพิมพ์

ตัวอย่างโค้ดตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างโค้ดการรับค่า input ชนิดต่าง ๆ ทางแป้นพิมพ์โดยใช้ java ซึ่งวิธีการรับก็มีวิธีการต่าง ๆ กันดังตัวอย่าง

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.util.Scanner;

public class GetInputFromUser {
public static void main(String[] args) {
int a;
float b;
String s;

Scanner in = new Scanner(System.in);

System.out.println("Enter a string");
s = in.nextLine();
System.out.println("You entered string "+s);

System.out.println("Enter an integer");
a = in.nextInt();
System.out.println("You entered integer "+a);

System.out.println("Enter a float");
b = in.nextFloat();
System.out.println("You entered float "+b);

in.close();
}
}

จากโค้ดจะเห็นว่าเราสร้างตัวแปร Scanner ซึ่งเป็น Class ในการรรับค่า แล้วใส่ System.in เพื่อบอกว่าเป็นการรับค่าโดยแป้นพิมพ์ จากนั้นเราก็ System.out.println เพื่อแสดงให้ผู้ใช้ทราบว่าต้องกรอกค่าแบบไหน

เราใช้ nextLine() เพื่ออ่านมาทั้งบรรทัดซึ่งเป็น Sting

เราใช้ nextInt() เพื่อรับค่าเป็น int

เราใช้ nextFloat() เพื่อรับค่าเป็นทศนิยม

ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.doesystem.com/8e47f9fe1df8628a729328bbb2acc595/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2-java.util.Scanner.htm

yengo หรือ buzzcity

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ดการสร้าง Class Exception สำหรับจัดการ Exception

สวัสดีครับ ตัวอย่างโค้ดตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างโค้ดการสร้าง Class Exception ที่ extends Exception เพื่อใช้สำหรับจัดการกับ Exception ที่จะเกิดขึ้นในโปรเจ็คของเราครับ

ตัวอย่างโค้ด

public class ImportGeneralException extends Exception {
private static final long serialVersionUID = 4712352915551187947L;

private String messgeException;

public ImportGeneralException() {
}

public ImportGeneralException(String messgeException) {
this.messgeException = messgeException;
}

public String getMessgeException() {
return messgeException;
}

public void setMessgeException(String messgeException) {
this.messgeException = messgeException;
}
}

จากโค้ดเราได้สร้าง Class ที่ชื่อว่า ImportGeneralException จากนั้นเราก็ extends Exception จากนั้นเราได้ทำการสร้างตัวแปร String ขึ้นมาตัวหนึ่งชื่อว่า messgeException เพื่อแสดงรายละเอียด Exception ที่เกิดขึ้น จากนั้นเราก็สร้าง Constructor ขึ้นมาสองอัน อันแรกให้ว่างไว้เพื่อให้ new ได้ ส่วนตัวที่สองจะรับข้อความ error เข้ามาด้วย

yengo หรือ buzzcity

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ด การแก้ปัญหาง่าย ๆ สำหรับใช้ java อ่านไฟล์ excel แล้ว type ต่างกัน

สวัสดีคับ ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างโค้ดแค่ไม่กี่บรรทัด เป็นการแก้ปัญหาง่าย ๆ ซึ่งเมื่อเวลาเราเขียน java โดยใช้ poi แล้วได้ทำการ อ่านแต่ละ cell ออกมาโดยใช้

Cell cell = row.getCell(columnNumber);

เมื่อเราได้ cell ออกมาแล้ว เราก็ต้องเช็คก่อนว่า

cell != null

จากนั้นเมื่อเช็คแล้วว่าไม่เท่ากับ call ไม่เท่ากับ null แล้วเราสามารถ get ค่าที่ได้จาก excel ออกมาได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือ ตัวเลข รุปแบบทั่วไป format ต่าง ๆ แต่เวลา get จะทำให้เราลำบาก ต้องมานั่งเช็ค

ดังนั้นมีวิธีหนึ่งที่แนะนำคือ ให้ทำการแปลงค่าที่ได้ก่อนจะ get ค่าออกมาให้เป็น String ให้หมด โดยใช้คำสั่ง

cell.setCellType(Cell.CELL_TYPE_STRING);

เมื่อกำหนดให้เป็น String ได้แล้ว เราก็ get ค่าออกมาเป็น Sting ได้เลย โดยใช้คำสั่ง

String value = cell.getStringCellValue();

เห็นไหมละ วิธีง่าย ๆ ลองนำไปใช้กันดูครับ

yengo หรือ buzzcity

วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ด Java ที่ Autoboxing และ Unboxing

สวัสดีครับ ตัวอย่างนี้เรามาดูตัวอย่างโค้ด Java ที่เวลาเราเขียนแล้วมันจะ Autoboxing และ Unboxing กันครับ

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

public class AutoboxingAndUnboxing {

public static void main(String[] args) {

Integer n = 2; // Boxing

int a = n; // Unboxing

System.out.println(a);

// When Compile Code

// Integer n = Integer.valueOf(2);

// int a = n.intValue();

}

จากตัวอย่างจะเห็นว่าถ้าเราเขียน Integer n = 2; จะเกิดการ Autoboxing ซึ่งจะเป็นการแปลง int ไปเป็น Integer ถ้าดูจากการ compile code แล้วจะมีการใส่ Integer.valueOf(2); เกิดขึ้น

อีกบรรทัด เมื่อเราให้ n ซึ่งเป็น Integer แล้วกำหนดให้เท่ากับ a ซึ่งเป็น int จะเกิดการ Unboxing ถ้าดูจากการ compile code จะเห็นว่าจะเป็นการเรียก method intValue();

yengo หรือ buzzcity

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ด Java การอ่านและเช็คไฟล์ excel ว่าเป็น 2007 หรือ 2010

สวัสดีคับ ตัวอย่างโค้ด Java ตัวอย่างนี้เรามาดูตัวอย่างการอ่านและเช็คไฟล์ excel ว่าไฟล์นั้นเป็นไฟล์ excel 2007 หรือว่า 2010 กันคับ ซึ่งทั้ง 2 แบบจะใช้ตัวอ่านที่ต่างกัน

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

import java.io.File;
import java.io.FileNotFoundException;

import org.apache.poi.hssf.usermodel.HSSFWorkbook;
import org.apache.poi.openxml4j.opc.OPCPackage;
import org.apache.poi.poifs.filesystem.NPOIFSFileSystem;
import org.apache.poi.ss.usermodel.Workbook;
import org.apache.poi.xssf.usermodel.XSSFWorkbook;

public class ExcelXlsAndXlsx {
public static void main(String[] args) {
File file = new File("ExcelFile");
Workbook workbook = null;
try(NPOIFSFileSystem fs = new NPOIFSFileSystem(file)){
// XLS FILE
workbook = new HSSFWorkbook(fs.getRoot(), false);
}
catch(FileNotFoundException ex){
System.out.println("ไม่พบไฟล์นี้อยู่ในเซิฟเวอร์ " + ex);
return;
}
catch(Exception ex){
System.out.println("ไฟล์นี้ไม่สามารถอ่านเป็น XLS ได้ : " + ex);
}

if(workbook == null){
try(OPCPackage pkg = OPCPackage.open(file)){
// XLSX FILE
workbook = new XSSFWorkbook(pkg);
}
catch(Exception ex){
System.out.println("ไม่เป็นไฟล์ Excel : " + ex);
return;
}
}
}
}

จากโค้ดจะเห็นว่าไฟล์ Excel ที่เป็น .xls(2007) นั้นจะใช้ HSSFWorkbook ในการอ่านไฟล์ ส่วนไฟล์ที่เป็น xlsx(2010) นั้นจะใช้ XSSFWorkbook ในการอ่าน

ในตัวอย่างเราจะใช้ try catch ครอบเอาไว้เพื่อตรวจสอบว่าเป็นไฟล์ xls หรือเปล่าก่อน แล้วนำมาเก็บในตัวแปร workvook เราจะใช้ NPOIFSFileSystem กับ OPCPackage.open เพื่อใช้สำหรับอ่านไฟล์ Excel ที่มีขนาดใหญ่ แต่ถ้างานของเราต้องการอ่านไฟล์ Excel ที่มีขนาดเล็กละก็ใช้แค่ HSSFWorkbook กับ XSSFWorkbook แค่นี้ก็พอครับ

yengo หรือ buzzcity

วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

varargs Method หรือ method ที่รับพารามิเตอร์ไม่ระบุจำนวน

สวัสดีคับ บทความนี้เรามาทำความรู้จักกับ varargs Method หรือ method ที่มีพารามิเตอร์เป็นจุด ๆ หรือ method ที่รับพารามิเตอร์ไม่ระบุจำนวนกันครับ

ตัวอย่างโค้ด Java

package javacodeexam;

public class ExampleCode {
 public static void main(String[] args) {
  System.out.println(max(1, 2));
  System.out.println(max(1, 2, 3, 4, 5));
  System.out.println(max(31, 42, 63, 24, 55));
 }
 
 public static  int max(int... num) {
  int max = num[0];
  
  for (int i = 0; i < num.length; i++) {
   if(max < num[i]) max = num[i];
  }
  
  return max;
 }
}

จากตัวอย่างโค้ดจะเห็นว่าเราสร้าง method ที่ชื่อว่า max ขึ้นมาจากนั้นรับพารามิเตอร์เป็น num แบบไม่จำกัดจำนวน โดยการใส่จุดสามจุดหลังชนิดตัวแปร จากนั้นเวลาเรียกเราสามารถใส่กี่ตัวก็ได้ ใน method ตัวแปรนั้นจะเป็นแบบ array ตามโค้ดด้านบน

yengo หรือ buzzcity

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รู้จักกับ Instance/Static Methods ใน Java

บทความนี้เรามาทำความ รู้จักกับ Instance/Static Methods ใน Java กันครับ ซึ่ง Instance/Static นี้เราควรจะนำไปใช้ให้ถูกลักษณะการทำงาน

package javacodeexam;

public class ExampleCode {
public static void main(String[] args) {
ExampleCode.aClassMethod();

ExampleCode examcode = new ExampleCode();
examcode.anInstanceMethod();
}

// A static or class method
static void aClassMethod() {
System.out.println("static method");
}

// A non-static or instance method
void anInstanceMethod() {
System.out.println("instance method");
}
}

Instance Methods

เวลาเราเขียนเราไม่ต้องใส่คำว่า static ไว้ข้างหน้า method เวลาเรารียกจะทำการเรียกโดยใช้ Object แล้วตามด้วยชื่อ method

Static Methods

เราต้องใส่คำว่า static ไว้ข้างหน้า method ซึ่ง method นี้เวลาจะเรียกใช้ก็เรียกโดย เรียกชื่อ Class แล้วตามด้วยชื่อ method

จะเห็นว่า Instance/Static Methods ต่างกันที่ Instance Methods เป็น method สำหรับ Object ส่วน Static Methods เป็น method สำหรับ Class

yengo หรือ buzzcity

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ด java การแปลง ตัวหนังสือ(String) เป็น ตัวเลข(int, Long, Float)

สวัสดีคับ บทความนี้เรามาดูพื้นฐานการแปลงตัวเลข โดยตัวอย่างโค้ด Java กันครับ ซึ่งเป็นตัวอย่างโค้ดในการแปลงตัวหนังสือให้เป็นตัวเลข ซึ่งใช้บ่อยมาก

ตัวอย่างโค้ด

package javacodeexam;

public class ExampleCode {
 public static void main(String[] args) {
  String a = "123";
  String b = "456";
  String c = "789";
  
  int aa = Integer.valueOf(a) + 1;
  System.out.println(aa);
  
  int aaa = new Integer(a) + 1;
  System.out.println(aaa);
  
  Long bb = Long.valueOf(b);
  System.out.println(bb);
  
  Float cc = Float.valueOf(c);
  System.out.println(cc);
 }
}

จากตัวอย่างจะเป็นว่า เราสามารถแปลงตัวหนังสือเป็นตัวเลขนั้นโดยเรียกชื่อ Class จากนั้นเรียกใช้ valueOf แล้วใส่ตัวหนังสือเข้าไปเป็นการแปลง หรือว่าเราจะ new มาใหม่เลยก็ได้ แต่อันไหน หรือวิธีไหนดีกว่ากันนั้น บอกไว้เลยว่า valueOf ดีกว่าครับ เพราะว่ามีการ catch ตัวเลขไว้

yengo หรือ buzzcity

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตัวอย่างโค้ด java การสร้าง method ที่ return ค่า

สวัสดีคับ ตัวอย่างโค้ดตัวอย่างนี้เรามาดูวิธีการสร้าง method ที่ return ค่ากันครับ ซึ่งตัวอย่างโค้ด เขียนได้ดังนี้

package javacodeexam;

public class ExampleCode {
 public static void main(String[] args) {
  System.out.println("3 + 4 : " + sum(3, 4));
  System.out.println("4 - 3 : " + minutes(4, 3));
  
  printTest();
  methodBreak();
 }
 
 public static int sum(int a, int b) {
  return a + b;
 }
 
 public static int minutes(int a, int b) {
  return a - b;
 }
 
 public static void printTest() {
  System.out.println("Print Test");
 }
 
 public static void methodBreak() {
  for (int i = 0; i < 10; i++) {
   System.out.println(i);
   if(i == 5) return;
  }
 }
}

จากตัวอย่างเราสร้าง method 3 method ซึ่งมี

- method sum ซึ่งเป็น method สำหรับบวกเลข เราจะรับพารามิเตอร์ 2 ค่าคือ a กับ b แล้ว return ค่าที่ได้จากการบวกกันออกไปเราจะใช้ return a + b; ซึ่ง method จะ return int ตามหัว method public static int sum(int a, int b)

- method minutes เป็น method สำหรับลบเลข จะรับค่า a กับ b เข้ามาแล้วจะทำการลบกัน โดยจะ return ค่าเป็น int ที่ได้จากการลบกันคือ return a - b; แล้ว return ค่าเป็น int ตามหัว method คือ public static int minutes(int a, int b)

- method methodBreak เป็น method ทีไม่มีการ return ค่า คือ public static void methodBreak() เราไม่จำต้องใส่ค่า return แต่ว่าเราสามารถใส่  return; แบบนี้ได้ เพื่อให้จบการทำงานของ method ตามตัวอย่างโค้ด

yengo หรือ buzzcity

สมัครสมาชิก: บทความ ( Atom )